สุขภาพดี บทความสุขภาพ อาหารสุขภาพ สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย
ค้นหาบทความสุขภาพ remahealth.com
Custom Search
อาการป่วยเป็นโรคประหลาด ผลิตแอลกอฮอล์ขึ้นเอง |
โรคประหลาด ออโต-บริวเวอรี่ ซินโดรม เป้นโรคที่ร่างกายสามารถ
ผลิตแอลกอฮอล์ขึ้นเองในระบบย่อยอาหาร ได้รับการเปิดเผยจากนาย
โจเซฟ มารูแซค ทนายความชาวอเมริกันที่รับเป็นทนายจำเลยให้กับผู้
ต้องหาคดีขับรถระหว่างมึนเมา ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐนิวยอร์กจับกุม
เมื่อต้นเดือนตุลาคมปี2014
มารูแซคเปิดเผยว่า ตามบันทึกของเจ้าหน้าที่ ขณะที่จับกุมและตั้งข้อ
หานั้น ผู้ต้องหาที่เป็นครูวัย 35 ปีรายนี้อยู่ในสภาพตาแดงก่ำ เสียงพูด
จาอ้อแอ้ และไม่ผ่านการทดสอบพฤติกรรมเบื้องต้นหลายอย่าง ทำให้
ต้องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือด พบว่าผู้ต้องหารายนี้มีระดับ
แอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าระดับที่กฎหมายอนุญาตให้ขับรถได้ถึง 4 เท่าตัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามจากเจ้าตัว ผู้ต้องหารายนี้ยืนกรานเด็ดเดี่ยว
กับทนายมารูแซคว่าไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 6 ชั่วโมง
ก่อนหน้าที่จะถูกจับกุมเกิน 3 แก้ว ซึ่งไม่น่าจะทำให้ในร่างกายของตน
มีระดับแอลกอฮอล์เกินกว่า 0.08 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ที่กฎหมาย
กำหนดให้แต่อย่างใด
เป็นเหตุให้มารูแซคตัดสินใจติดต่อขอความช่วยเหลือและความกระจ่าง
ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากบาร์บาราคอร์เดลล์นักวิชาการจากแพโนลา
คอลเลจรัฐเท็กซัสสหรัฐ เพราะทราบมาว่าคอร์เดลล์เคยตีพิมพ์ผลงาน
ทางวิชาการเกี่ยวกับโรคประหลาดชนิดหนึ่งซึ่งส่งผลให้ร่างกายผลิต
แอลกอฮอล์ได้เอง
คอร์เดลล์แนะนำให้มารูแซคนำตัวลูกความของตนไปพบ นพ.อนุป
แคโนเดีย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคประหลาดชนิดนี้ในเมืองโคลัมบัส รัฐ
โอไฮโอ สหรัฐ เพื่อให้วินิจฉัยทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ และพบ
ว่าผู้ต้องหาป่วยเป็นโรคหายากที่เรียกว่า ออโต-บริวเวอรี่ ซินโดรม
จริง
โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะมียีสต์อยู่ในระบบลำไส้สูงมากเป็นพิเศษ ยีสต์
พวกนี้เองที่ทำหน้าที่หมักอาหารซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง แล้วเปลี่ยน
ให้เป็นแอลกอฮอล์ภายในร่างกายนั่นเอง
โรคนี้พบเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นในทศวรรษ 1970 ตอนนั้นรู้จัก
กันในชื่อโรค "กัท เฟอร์เมนเทชั่น ซินโดรม"
นพ.อนุปให้แนวทางรักษาด้วยวิธีการจำกัดอาหาร ให้กินอาหารที่มีแป้ง
น้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหมักที่จะก่อให้เกิดแอลกอฮอล์ในลำไส้
ขึ้นมาอีก ทำให้ผู้ต้องหารายนี้กลับมาขับรถได้อีกครั้ง
หลังจากได้รับทราบผลวินิจฉัย มารูแซคไม่เพียงนำเสนองานวิจัยหลาย
ชิ้นที่ยืนยันเกี่ยวกับโรคนี้ พร้อมกับว่าจ้างพยาบาล 2คนกับผู้ช่วยแพทย์
อีกคนให้ทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบพฤติกรรมของลูกความของตนตลอด
ระยะเวลา 1 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอล
กอฮอล์ และกำหนดให้ผู้ช่วยแพทย์ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์จากตัว
อย่างเลือดในทันทีด้วย ในที่สุดก็พบว่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของ
ผู้ต้องหารายนี้พุ่งขึ้นถึง 0.36 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดื่ม
แม้แต่แก้วเดียว
หลังจากนำเสนอหลักฐานต่างๆ ต่อศาล ศาลเมืองฮัมบูร์กพิพากษายก
ฟ้องในข้อหาเมาแล้วขับ และปล่อยตัวผู้ต้องหาเป็นอิสระ
โจนาธาน เทอร์เลย์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยจอร์จ
วอชิงตัน ระบุว่า คดีนี้ดูเผินๆ ตอนแรกเหมือนกับจะเป็นความพยายาม
เพื่อไม่ให้ถูกลงโทษฐานเมาแล้วขับ แต่เอาเข้าจริงแล้วเป็นอีกเรื่อง
หนึ่งต่างหาก ที่สำคัญก็คือ ศาลพิจารณาแล้วว่าจำเลยไม่รู้ตัวว่าเป็น
โรคประหลาดนี้ จึงตัดสินให้พ้นผิด
แต่ถ้ารู้ตัวว่าเป็นโรคนี้แล้วยังขับรถ ก็ถือว่ากระทำผิดฐานเมาแล้วขับ
อยู่ดี
สุขภาพผู้ชาย
ข้อมูลจากmen.kapook
Post 2 Feb.2016